พบภูเขาไฟสูงกว่าเอเวอเรสต์ใกล้เส้นศูนย์สูตรบนดาวอังคาร
เมื่อกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ในแวดวงนักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ เมื่อ ดร.ปาสคาล ลี ประธานสถาบันดาวอังคาร และทีมวิจัย ได้เผยแพร่บทคัดย่อการค้นพบใหม่เกี่ยวกับดาวอังคารในการประชุมวิทยาศาสตร์ทางจันทรคติและดาวเคราะห์ครั้งที่ 55 ณ เมือง เดอะวูดแลนด์ส รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ
งานวิจัยใหม่เผยว่า นักวิทยาศาสตร์อาจระบุตำแหน่งภูเขาไฟรูปร่างแปลกประหลาดขนาดมหึมา ซึ่งสูงกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ บนพื้นผิวดาวอังคารได้ลูกหนึ่ง และมันตั้งอยู่ในที่โล่งมานานแต่กลับไม่มีใครเคยสังเกตเห็นมาก่อน
ลีกล่าวว่า เขาและซูราบ ชุบแฮม นักศึกษาปริญญาเอกสาขาธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ คอลเลจพาร์ค ได้ระบุภูเขาไฟลูกหนึ่งภายในภูมิภาคน็อกติสลาบีรินธัส (Noctis Labyrinthus) หรือ “เขาวงกตรัตติกาล” (Labyrinth of Night) ของดาวอังคาร ซึ่งเป็นภูมิประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรและเต็มไปด้วยเครือข่ายหุบเขา
เขาบอกว่า ภูเขาไฟในเขาวงกตรัตติกาลอาจหลบเลี่ยงสายตานักวิทยาศาสตร์ไปได้แม้มีการสังเกตการณ์ด้วยดาวเทียมเป็นเวลาหลายปี เพราะมันไม่ได้สูงตระหง่านเหนือภูมิทัศน์โดยรอบ
“มันยังถูกกัดเซาะลึกและพังทลายลงจนถึงจุดที่ถ้าคุณไม่มองหาภูเขาไฟจริง ๆ คงยากลำบากมากที่จะมองเห็นมันได้อย่างรวดเร็ว” ลีกล่าว
หากผลการศึกษาของทีมวิจัยถูกต้อง การค้นพบนี้อาจมีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อความเข้าใจของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับธรณีวิทยาของดาวอังคาร ลีกล่าวว่า เขาหวังว่าการค้นพบนี้จะช่วยสนับสนุนให้มีภารกิจสำรวจพื้นที่ดังกล่าวเพื่อค้นหาน้ำแข็งหรือแม้แต่สัญญาณของสิ่งมีชีวิต
ในตอนแรก ความพยายามของทีมวิจัยนำไปสู่การศึกษาซึ่งเสนอแนะว่า ภูมิภาคเขาวงกตรัตติกาลอาจเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยแหล่งสะสมเกลือ
ตั้งแต่นั้นมา ลีและชุบแฮมได้ศึกษาข้อมูลที่รวบรวมโดย Mars Reconnaissance Orbiter ขององค์การนาซา (NASA) โดยพยายามตรวจสอบว่าน้ำยังคงแข็งตัวอยู่ใต้เกลือหรือไม่
การตามล่าหาน้ำแข็งเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการสำรวจของมนุษย์บนดาวอังคาร หรือแม้กระทั่งแปลงเป็นเชื้อเพลิงจรวด
แต่ขณะที่ไล่สำรวจภูมิทัศน์ ลีกลับพบ “ลาวาเล็ก ๆ ที่ไหลอยู่ข้างธารน้ำแข็ง”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ลาวายังไม่ถูกออกซิไดซ์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะทำให้มันเป็นสีส้มขุ่นเหมือนกับพื้นผิวโดยรอบ นั่นบ่งชี้ว่าลาวาอาจค่อนข้าง “สด” ซึ่งเป็นคำใบ้แรกว่าภูเขาไฟที่ไม่เคยถูกตรวจพบมาก่อนอาจซ่อนอยู่ใกล้ ๆ
“เราเริ่มมองภูมิทัศน์อย่างระมัดระวัง และแน่นอนว่าเมื่อเราตรวจสอบจุดสูงสุดของภูมิภาคนี้ เราสังเกตเห็นว่ามันก่อตัวเป็นส่วนโค้ง” ลีกล่าว
เขาบอกว่า ส่วนโค้งนั้นชวนให้นึกถึงภูเขาไฟรูปโล่ (Shield Volcano) ซึ่งเป็นภูเขาไฟประเภทหนึ่งที่มีอยู่บนโลกเช่นกัน ภูเขาไฟรูปโล่มีลักษณะพิเศษคือฐานที่กว้าง มีความลาดเอียงเพียงเล็กน้อย ทำให้ดูกว้างมากกว่าสูง
การค้นพบดังกล่าวทำให้ลีและชุมแฮมรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และในที่สุดก็พบว่าส่วนโค้งดังกล่าวคือภูเขาไฟจริง และมีความสูงถึง 9,022 เมตร ซึ่งสูงกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์เสียอีก (เอเวอเรสต์สูง 8,848 เมตร)
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ภูเขาไฟที่สูงที่สุดบนด้าวอังคาร เพราะที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้จัดทำรายชื่อและตั้งชื่อภูเขาไฟมากกว่าสิบลูกบนดาวอังคาร หนึ่งในนั้นคือ โอลิมปัสมอนส์ (Olympus Mons) ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในระบบสุริยะของเรา ด้วยความสูง 21,900 เมตร
ลีกล่าวว่า เขาและชุบแฮมกำลังทำงานเพื่ออธิบายการค้นพบนี้ในงานวิจัยที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นงานที่มีรายละเอียดมากขึ้นซึ่งสามารถให้ความน่าเชื่อถือแก่แนวคิดนี้ในชุมชนวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น
ดร.เอเดรียน โบรเกต์ นักวิจัยฮุมโบลดต์จากศูนย์การบินและอวกาศเยอรมัน ผู้ศึกษาภูเขาไฟบนดาวอังคาร แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้นพบนี้ กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องใหญ่ มันสูงพอๆ กับภูเขาที่สูงที่สุดในโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่คุณลักษณะเล็ก ๆ บนดาวอังคาร และเรามีเครื่องหมายคำถามมากมาย (เกี่ยวกับพื้นผิวดาวอังคาร)”
ลีและทีมตั้งชื่อภูเขาไฟลูกนี้เป็นการชั่วคราวว่า “ภูเขาไฟน็อกติส” และบอกว่า สถานที่ดังกล่าวอาจเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างดาวบนดาวอังคารคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“แน่นอน เราไม่ได้มองหามนุษย์ต่างดาวตัวเขียวตัวเล็กมีหนวด แต่เรากำลังมองหาจุลินทรีย์ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พบบนโลก” ลีกล่าว และเสริมว่า เขาวงกตรัตติกาลอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมสำหรับการตามล่าครั้งนี้
เขาบอกว่า “ถ้าคุณต้องการมองหาชีวิตในยุคโบราณ คุณต้องขับรถไปทางทิศตะวันออกจากเขาวงกตรัตติกาล เข้าไปในหุบเขา” ซึ่งหมายถึง วัลเลส มารีนาริส (Valles Marineris) หุบเขาที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะของเรา (ยาว 2,000 กิโลเมตร ลึก 8 กิโลเมตร)
ลีกล่าวว่า ที่นั่น นักสำรวจสามารถลอดผ่านชั้นหินเพื่อสำรวจหาฟอสซิลได้ หรืออาจเสี่ยงไปทางตะวันตก ไปยังบริเวณภูเขาไฟที่เรียกว่า ที่ราบสูงทาร์ซิส (Tharsis plateau) ซึ่งมีถ้ำอบอุ่นที่อาจเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต
นอกจากนี้ การมีอยู่ของภูเขาไฟในเขาวงกตรัตติกาลอาจยังช่วยนักวิทยาศาสตร์ไขคำตอบได้ว่า ภูมิทัศน์ที่แปลกประหลาดนี้บนดาวอังคารเกิดขึ้นได้อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่า แมกมาเดือดข้างใต้อาจผุดขึ้นมาจากด้านในของดาวอังคารจนก่อตัวเป็นหุบเขาเขาวงกต อีกทฤษฎีหนึ่งคือ เมื่อแมกมาดันตัวขึ้นมาบนเปลือกพื้นผิวดาวอังคาร มันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทิ้งเขาวงกตและหุบเขาที่แตกแขนงไว้
ลีเชื่อทฤษฎีหลังมากกว่า เพราะแบบจำลองนี้แสดงให้เห็นว่า เปลือกดาวอังคารในเขาวงกตรัตติกาลเต็มไปด้วยน้ำแข็ง และเมื่อแมกมาซึมเข้าไป มันจะละลายหรือกลายเป็นไอน้ำแข็งและหินใต้พื้นผิว ทำให้เกิดภูมิประเทศเป็นแนวถ้ำเข้าไป นั่นหมายความว่า การมีอยู่ของภูเขาไฟในภูมิภาคนี้อาจทำให้ทฤษฎีหลังนี้มีความเป็นไปได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์หลายคนมองว่า ต้องมีหลักฐานมากกว่านี้ก่อนจึงจะเชื่อได้ว่า มีภูเขาไฟอยู่ในเขาวงกตรัตติกาลจริง ๆ
ลีกล่าวว่า เขามั่นใจ 85-90% ว่าเขาได้พบภูเขาไฟบนดาวอังคารลูกใหม่แล้ว “แต่คำกล่าวอ้างที่ไม่ธรรมดาจำเป็นต้องมีหลักฐานที่ไม่ธรรมดา”
เรียบเรียงจาก CNN