แถลงนโยบายรัฐบาล – เอกชนจับตา นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย หรือ อีคอนไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนจับตาการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันนี้ เพราะดูจากหลายนโยบายที่ประกาศเอาไว้ก่อนตั้งแต่ช่วงหาเสียงและก่อนถึงวันแถลงนโยบาย มีหลายนข้อที่ตรงใจภาคเอกชน

เริ่มแล้ว ! เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา

ครม.เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันแรก 11 ก.ย. 2566

โดยเฉพาะนโยบายแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น การเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นการบริโภคในประเทศ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีรายละเอียดนโยบายยังชัดเจน เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

แม้รัฐบาลนายเศรษฐาจะย้ำมาตลอดว่า เป็นนโยบายหลักที่จะผลักดันทันที แต่ยังไม่เห็นที่มาของเงินงบประมาณ จึงไม่รู้ว่าจะเพิ่มกำลังซื้อได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็หวังว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันนี้ จะทำให้เห็นภาพชัดขึ้น

นอกจากนี้ นายธนิต ระบุด้วยว่า ภาคเอกชนยังอยากเห็นความชัดเจนจากนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สิน หลังจากที่รัฐบาลประกาศจะเร่งแก้หนี้ให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วยการพักชำระหนี้ ก็อยากจะเห็นการเร่งแก้ปัญหานี้ให้กับลูกหนี้กลุ่มอื่นด้วย

โดยเฉพาะหนี้ภาคครัวเรือน เช่น หนี้กู้ซื้อบ้าน หนี้รถยนต์ และ หนี้บัตรเครดิต รวมทั้ง ต้องเร่งแก้หนี้ในภาคธุรกิจ หาแนวทางช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยเฉพาะกลุ่ม เอสเอ็มอี และรายย่อย เพราะหากรัฐบาลแก้ปัญหาหนี้ได้ ทำให้ทุกคนมีสภาพคล่องดีขึ้น จะทำให้กำลังซื้อในประเทศดีขึ้นตามไปด้วย

ส่วนมาตรการพักชำระหนี้นั้น มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังว่า จะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ออกมาตรการพักชำระหนี้ 3 ปี โดยพักทั้งในส่วนเงินต้นและอัตราดอกเบี้ย เน้นในกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเกษตรกร และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีมูลหนี้หลักแสนบาท ไปจนถึง 1 ล้านบาท เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้แก่ลูกหนี้กลุ่มนี้ โดยลูกหนี้ที่เข้ามาตรการจะไม่ถูกจัดชั้นเป็นลูกหนี้เอ็นพีแอล เนื่องจากรัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนภาระการจ่ายอัตราดอกเบี้ยให้แทน โดยแนวทางดังกล่าว ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องการให้กระทรวงการคลังเข้าไปดูแลลูกหนี้ในกลุ่มที่เป็นหนี้สหกรณ์ หนี้ครู หนี้ตำรวจ และหนี้นอกระบบ โดยให้ดำเนินการผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินรัฐคำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ของรัฐบาล เศรษฐา 1 ในวันที่ 13 กันยายนนี้ มีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ที่ต้องติดตามหลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายลดราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยอาจจะลดค่าไฟฟ้าลงได้ 38 สตางค์ต่อหน่วยทำให้ค่าไฟฟ้าอาจจะอยู่ที่ 4.07 บาทต่อลิตร จากงวดปัจจุบัน (กันยายน-ธันวาคม 2566) อยูที่ 4.45 บาทต่อลิตร ขณะที่การลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง กำลังพิจารณาว่าจะใช้การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หรือใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุน หรือใช้ทั้งสองมาตรการควบคู่กัน

ประกาศแจ้งจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด "เข้าบัญชี 18 ก.ย.2566" แน่นอน

ส่องสีใหม่ "iPhone 15" และ "iPhone 15 Pro" ก่อนเปิดตัวกันยายนนี้

ประกาศรายชื่อวอลเลย์บอลหญิงไทย "นุศรา" นำทัพชุดลุยศึกคัดโอลิมปิก 2024